ทับทิม (Pomegranate)
ต้านอนุมูลอิสระ, เพิ่มประสิทธิภาพเอนไซม์
ลดไขมันในเลือด, ลดคอเลสเตอรอล, ลดการแข็งตัวหลอดเลือด
ป้องกันมะเร็ง, บรรเทาอาการโรคหัวใจ, ผิวพรรณอ่อนเยาว์
ทับทิม (Pomegranate) เป็นผลไม้เมืองร้อน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอิหร่าน และแพร่กระจายในหลายประเทศ เช่น อินเดีย จีน และไทย โดยทับทิมแต่ละแหล่งปลูกจะมีสายพันธ์ต่างกัน สีของเนื้อหุ้มเมล็ดก็จะแตกต่างกันไปตั้งแต่ขาว ชมพูอ่อน ไปจนถึงสีแดงเข้มสด ทับทิมสายพันธ์ของอิหร่านและอินเดียจะมีผลขนาดกลางและสีแดงจัด ทับทิมจีนจะมีผลใหญ่และมีสีออกขาว ส่วนทับทิมไทยจะมีผลเล็กและสีชมพูอ่อน ซึ่งทับทิมสีแดงจะมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระดี
ทับทิมอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟินอล, แอนโธไซยานิน, กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) และ เอลลาจิแทนนิน (Ellagitanin) ซึ่งมีส่วนช่วยในกลไกป้องกันการเกิดมะเร็ง เช่น ทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อตาย, ยับยั้งการเกิดหลอดเลือดมาเลี้ยงเซลล์มะเร็ง, ป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก งานวิจัยพบว่าน้ำทับทิมสดประกอบด้วยสารดังกล่าวมาเกือบ 5 เท่าของปริมาณที่ได้รับจากชาและไวน์แดงในปริมาณการบริโภคเท่ากัน
กรดเอลลาจิกเป็นสารขนาดเล็กในกลุ่มโพลีฟีนอล แรกเริ่มเดิมทีในผลไม้จะยังไม่เป็นกรดเอลลาจิก แต่จะมีสารขนาดใหญ่ที่เรียก่า ไฮโดรไลเซเบิลแทนนิน (Hydrolysable Tannins) พอเข้าสู่ร่างกาย แทนนินดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนเป็นกรดเอลลาจิกที่บริเวณลำไส้เล็กแล้วถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและกระจายไปทั่วร่างกาย จนกระทั่งอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่สามารถป้องกันมะเร็งและต้านอนุมูลอิสระ กรดเอลลาจิกยังต้านอักเสบ ต้านการแข็งตัวของหอดเลือด และเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ หรือที่เรียกว่าพรไบโอติกส์ (Prebiotics) ได้อีกด้วย ซึ่งพรีไบโอติกจะช่วยให้จุลินทรีย์สร้างสารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายและช่วยทำลายเชื้อโรคที่ติดมากับอาหาร นอกจากนี้กรดเอลลาจิกยังพบได้ในสตรอเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, ผลเบอร์รี่ทั้งหลาย, วอลนัท และอัลมอนด์ ซึ่งในทับทิมและราสเบอร์รี่มีกรดเอลาจิกสูงมาก ดังนั้นหากรับประทานทับทิมผลเล็กเพียงเสี้ยวหนึ่ง หรือดื่มน้ำทับทิมเพียงค่อนแก้วก็จะได้รับกรดเอลลาจิกมากเกินพอแล้ว กรดเอลลาจิกที่สกัดจาเมล็ดทับทิมที่จำหน่ายในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้ให้การรับรองความปลอดภัย
พูนิคาลาจิน (Punicalagin) เป็นสารเอลลาจิแทนนินชนิดหนึ่งที่พบในทับทิม ลดคอเลสเตอรอล, ลดความดันโลหิต, ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด, ลดไขมันในเส้นเลือด และป้องกันมะเร็ง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงทำให้ทับทิมมีคุณสมบัติโดดเด่นแซงหน้าแอปเปิล ผลไม้ที่สถาบันสุขภาพหลายแห่งแนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งรับประทาน ด้วยฤทธิ์ที่เหนือกว่าในด้านการต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มประสิทธิภาพของเอนไซม์ ลดการทำลายดีเอ็นเอ (สารพันธุกรรม), ลดไขมันในเลือด และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด (Atherosclerosis) ซึ่งคือภาวะที่ไขมันเกาะในผนังหลอดเลือดแล้วเกิดมีแคลเซียมไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) และเม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจ (Macrophage) มาจับกับไขมันนั้นเกิดเป็นพลัค (Plaque) ขวางการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือด กล่าวคือ ทำให้เส้นเลือดตีบไม่ยืดหยุ่น ส่งผลให้อวัยวะขาดเลือดไปเลี้ยง หรือเส้นเลือดเปราะแตกจนอาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งสาเหตุของการแข็งตัวของหลอดเลือดได้แก่ การสูบบุหรี่, ภาวะเครียด, การรับประทานอาหารไขมันสูง, ขาดการออกกำลังกาย, ขาดสารต้านอนุมูลอิสระ, โรคเบาหวาน จากการศึกษาในคนพบว่าผู้ที่ดื่มน้ำทับทิมติดต่อกัน 2 สัปดาห์มีคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ลดลง 90% และเกิดการแข็งตัวของหลอดเลือดลดลง 44% ไม่เพียงแต่การลดการสะสมไขมันในตัวเส้นเลือด แต่ยังทำให้เส้นเลือดที่หนาลดความหนาตัวลงอีกด้วย จึงทำให้เลือดหมุนเวียนดี นอกจากนั้นทับทิมยังช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากทับทิมมีสารเจนิสไทน์ ไดอาไซน์ (Daizein) ซึ่งเป็นไฟโตเอสโตรเจน ทับทิมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้รักสุขภาพทั้งในแง่ของป้องกันมะเร็ง ปกป้องตับจากสารพิษ, ข่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์, ต้านความเสื่อมจากโรคเบาหวาน, ป้องกันอาการหลงลืมในผู้สูงอายุ, บรรเทาอาการโรคหัวใจ, หลอดเลือดแข็งตัว และความดันโลหิตสูงอันเนื่องมาจากคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย นอกจากในทับทิมแล้ว เจนิสไทน์และไดอาไซน์ยังสามารถพบในพรุน, มะพร้าว ถั่วเปลือดแข็ง
ประโยชน์ของทับทิม
- ต้านอนุมูลอิสระ
- เพิ่มประสิทธิาพของเอนไซม์
- ลดการทำลายดีเอ็นเอ
- ลดไขมันในเลือด
- ลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว
- ลดการแข็งตัวของหลอดเลือด
- ลดความหนาของหลอดเลือด
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือด
- ปรับสมดุลฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
- ป้องกันมะเร็ง
- ป้องกันตับจากสารพิษ
- ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์
- ต้านความเสื่อมจากโรคเบาหวาน
- ป้องกันอาการหลงลืมในผู้สูงอายุ
- บรรเทาอาการโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
- เป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ริโอวิด้า (Transfer Factor Riovida) เพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน 283% + สารต้านอนุมูลอิสระจากน้ำผลไม้